หน้าเว็บ

2/3/53

เที่ยวลาวใต้2 - South Laos Tour 2



น้ำตกตาดเยือง ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยละอองน้ำ




น้ำตกตาดฟาน เป็นทั้งน้ำตกแฟด และ สูงที่สุดในลาว




น้ำตก... อยู่ห่างออกไปทางด้านซ้ายของตาดฟาน


เที่ยวลาวใต้ 2 - ตาดผาส้วม หมู่บ้านชนเผ่า กะตู ละแว ตาดเยือง ตาดฟาน
วันที่ 2 น้ำตกตาดผาส้วม น้ำตกตาดเยือง น้ำตกตาดฟาน ออกเดินทางจากโรงแรมที่พัก 7.00 น ทานอาหารเช้าที่ จำปาสักพาเลซ ซึ่งเดิมเป็นวังของ เจ้าบุญอุ้ม จัดเป็นแบบ บุฟเฟต์ ตกหัวละประมาณ 45,000. อาหารมีให้เลีอกหลายแบบ รสชาดใช้ได้ ก๋วยเตี๋ยวก็มี แต่เมนูเด่นเห็นจะเป็น เมนูไข่ คล้าย ไข่คน ( omelette ) แต่หน้าตาน่าทานดี

อาหารเช้าแบบ บุฟเฟต์ ที่ จำปาศักดิ์พาเลช














ทานเสร็จก็ออกเดินทางไป ตลาด ดาวเรือง ซึ่งเป็น ตลาดที่ใหญที่สุดในปากเซ ถือเป็นที่ท่องเที่ยวอีกแห่ง ด้านนอกอาคารเป็นเหมือนตลาดสดตลาดเช้า จะขายเป็นสินค้าเกษตร พวกผักสด(ราคาถูกมาก)ผลไม้ เนื้อ หมู ปลา และกบ เขียด แมลงต่างๆก็มี คนเยอะมาก ทั้งคนที่มาซื้อของ และนักท่องเที่ยว ศูนย์การค้าตลาดดาวเรืองเป็นศูนย์การค้าที่ทันสมัยที่สุดในปากเซ สร้างเป็น อาคารชั้นเดียว แบ่งเป็นบล็อคเหมือนกับศูนย์การค้าของไทย แต่ยังไม่ติดแอร์ บริเวณทางใกล้ทางเข้าจะขายสินค้าที่มีราคาแพง พวกเครื่องเงิน ทอง เครื่องประดับ และของตกแต่งบ้านที่ทำด้วยเงินเป็นส่วนมาก ส่วนร้านทองก็มีอยู่บ้าง 2-3 ร้าน ราคาต่อรองได้ แต่จะเป็นเงินแท้ หรือผสมก็ต้องดูเอาเอง ตามร้านพวก นี้จะมีธนบัตรเงินกีบใหม่ๆ วางไว้ให้แลก มีทุกราคา จะแลกอย่างละฉบับ 2ฉบับ เขาก็ไม่ว่า ตกประมาณ 1 บาท ต่อ 200 กีบ ผมแลกมาอย่างละฉบับ หมดไป ไม่ถึง 40 บาท เดินเข้าไปอีกก็จะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้สำนักงาน และ ร้านขายโทรศัพท์มือถือ มีทั้งของแท้และของก็อป หรือของที่ติดแบรนด์ จีน แดง คุณภาพก็คงตามราคา แต่ถ้าเป็นของแท้ซื้อที่เมืองไทย จะถูกกว่า เดิน เข้าไปอีก ก็จะเป็นพวกของเล่นเด็ก อุปกรณ์เดินป่า เครื่องสำอาง และเสื้อผ้า พวกผ้าพับ ผ้าชิ้น หรือผ้าห่ม ที่มาจากจีน จะราคาถูก เดินดูจนทั่วแล้วก็กลับมาที่รถ เพื่อเดินทาง ต่อไปตาดผาส่วม












กว่าจะออกเดินทางได้ ก็ 9 โมงกว่า เดินทางไปทางตะวันออกของปากเซไป ตามถนนหมายเลข 13,16E ที่จะไปเมืองปากซอง ถึงหลัก กม.ที่ 21 บ้านห้วยแร่ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนหมายเลข 20 อีกประมาณ 13 กม. ก็จะถึงทางแยกเข้าอุทยานบาเจียง ตั้งแต่ออกจากปากเซ ระดับถนนก็สูงขึ้น เรื่อยๆ เพราะจะขึ้นสู่ที่ราบสูงโบโลเวน ผ่านสวนผลไม้ มีทั้งสวนกระท้อน สวนทุเรียนไกด์สาวบอกว่า ที่ลาวเขาจะกินทุเรียน เฉพาะลูกที่แก่จัดจนสุกงอม เนื้อเละๆชนิดที่เรียกว่าแทบหล่นจากต้น ไม่กินแบบที่เนื้อยังแข็งอยู่เหมือนเรา เขากินสดหรือไม่ก็กวนทำน้ำทุเรียนราดข้าวเหนียวมูล กลิ่นคงหอมรุนแรงน่าดู นอกจากนั้นก็จะเป็นไร่ชา ไร่กาแฟ ซึ่งนิยมปลูกกันมากตามที่สูง ถือเป็นพืช เศรษฐกิจของที่นี่ พันธุ์ที่นิยมปลูกคือ อราบิกา มีโรงงานรับซื้อและแปรรูป ผลิตส่งขายทั้งในและต่างประเทศ ปลูกได้ 3-4 ปี ก็เก็บผลได้ ถ้าผลิตผล มันเริ่มน้อยลง เขาก็จะตัดกิ่งทิ้งให้มันแตกกิ่งใหม่ ทำแบบนี้ 2-3 ครั้งค่อย ปลูกต้นใหม่ ชาวลาวเขาจะแบ่งเป็นลาวลุ่ม คือลาวที่อาศัยอยู่ตามที่ราบลุ่ม หรือตามเชิงเขาตามเมืองต่างๆ ซึ่งเป้นชนส่วนใหญ่ ต่อมาก็เป็นลาวเทิง ได้แก่ชนเผ่าต่างๆที่อาศัยอยู่บนเขาความสูงประมาณ 1,000 เมตรจากระดับ น้ำทะเล พวกนี้จะมีมากเป็นอันดับสอง ส่วนพวกสุดท้ายคือลาวสูง จะเป็นชนเผ่า ที่อยู่สูงขึ้นไปอีกโดยเฉพาะตามเขาสูงทางภาคเหนือ
















เมื่อมาถึงอุทยานบาเจียง ผ่านซุ้มประตูเข้ามา รถตู้ก็จอดให้ลงเพื่อเดินชม หมู่บ้านชนเผ่า ต่างๆ ทั้งหมด 13 ชนเผ่า มีชนเผ่ากะตู เผ่าละแว ตรงเผ่าละแว จะมี พ่อใหญ่(ผู้เฒ่า)คนหนึ่ง แกมาคอยแสดงดนตรีพื้นบ้านให้นักท่องเที่ยวดู เราก็เลยถือโอกาส เข้าไปร่วมแจม หยิบเครื่องดนตรีมาทำท่าดีดสีตีเป่า ร้องรำ ทำเพลงโพสท่าถ่ายรูป เป็นที่ สนุกสนานครื้นเครงกันไป ออกจากพ่อใหญ่ ก็ไป หาแม่ใหญ่ เจาะหูรูเบ้อเร่อเอางาช้างสอดใส่เข้าไปทำเป็นต่างหูดูแปลกดึ และที่ ฝาบ้านของแก จะทำเป็นช่องเอาไว้สำหรับให้ลูกสาวเลือกคู่ โดยฝ่ายชายจะเอา มือสอดเข้าไปในช่องให้สาวจับดู ถ้าใครมือสากๆ แสดงว่าเป็นคนขยัน ถ้ามือ นิ่มๆก็เป็นคนขี้เกียจ สาวเจ้าคงจะเลือกคนมือสากเพราะขยันทำมาหากินไม่อด ตายแต่ถ้าดูไม่ดีไปเจอหนุ่มขี้เกียจกินข้าวเหนียวแล้วไม่ล้างมือก็ทำให้มือสากได้ เหมือนกัน


นกไม้ ตั้งบนสันจมูก เลี้ยงไว้ไม่ให้หล่น ตอนเดินหรือเล่นดนตรี











หลังจากเดินชมบ้านชาวเผ่าต่างๆแล้ว ก็เดินผ่าน สวนสัตว์ใช้ตาข่ายล้อมไว้ มีพวกกวาง เก้ง นก แต่ที่เห็นมีไม่มากนัก ออกจากสวนสัตว์ ข้ามสะพานมา เลี้ยวขาวจะเป็นน้ำตกหมากแงว เป็นน้ำตกเล็กๆ ไม่ลึกมาก กระแสน้ำก็ไม่แรง สามารถลงไปเล่นน้ำได้ ออกจากน้ำตกหมากแงวก็จะเป็น บ้านพัก รีสอร์ท ทำด้วยไม้ สร้างได้กลมกลืน กับธรรมชาติมาก
















ต่อจากรีสอร์ท ข้ามสะพานแขวน ก็จะมาถึงน้ำตกตาดผาส้วม ตาดผาส้วม เป็นน้ำตกที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติบาเจียง ตามตำนานรักสามเส้า ของท้าวบาเจียง นางมะโรง กับเศรษฐีชาวจำปาสัก คำว่าส้วม หรือ ส่วม แปลว่า ห้องหอ ว่ากันว่าสถานที่แห่งนี้เป็นอนุสรณ์สถาน ที่ท้าวบาเจียงมาสร้างเรือนหอ เอาไว้ก่อนไปสู่ขอนางมะโรง เดิมเป็นป่ารกร้าง เสื่อมโทรม ต่อมาทางรัฐบาล ลาวเล็งเห็นความสำคัญของการท่องเที่ยว ว่าจะสามารถทำรายได้ให้กับประเทศ เพราะลาวมีสถานที่ๆสวยงามตามธรรมชาติ มากมาย จึงได้มอบหมายให้คนไทย ท่านหนึ่งสำรวจสถานที่ต่างๆ ที่จะสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยไม่ทำ ให้ธรรมชาติสูญเสียความสมดุลย์ หรือความสมบูรณ์ ท่านจึงเลือกสถานที่แห่งนี้ และเมื่อไดรับสัมปทานจากรัฐบาลลาว ท่านก็ได้ลงมือปรับปรุงทัศนียภาพของ น้ำตกเช่นสกัดหินให้มีเหลี่ยมมีมุม มีการขนก้อนหินมาวางเหนือน้ำตกเพื่อเพิ่ม ความสูงและความกว้างของสายน้ำ มีการเบี่ยงเบนทิศทางของสายน้ำให้เข้ากับ สิ่งก่อสร้าง มีจุดชมน้ำตกและวิวสำหรับถ่ายรูปที่สวยงาม แต่ถ้าไม่บอกก็คงนึก ว่าเป็นน้ำตกธรรมชาติ ส่วนไม้ที่นำมาใช้ก็เป็นไม้ที่ล้มแล้วหรือตอไม้มาใช้ใน การก่อสร้าง มีการปลูกต้นไม้ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ เช่น ไม้จำพวกกฤษณา เพิ่มเข้าไปอีก นำชนเผ่าต่างๆ เข้ามาอยู่โดย(แสดง)ให้ใช้ชีวิตและความเป็น อยู่ตามประเพณีดั้งเดิมของแต่ละชนเผ่านอกจากนั้นลูกหลานของเขาก็ได้เรียน หนังสือ และได้ทำงานในร้านอาหาร และรีสอร์ท ดังนั้นตากผาส้วมจึงเป็นสถาน ที่ที่นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวลาวได้ต้องแวะชมสัมผัส ชมสถานที่ต่างๆ ถ่ายรูปจนพอใจแล้วก็ได้เวลาเกือบเที่ยง จึงได้เข้าไปในร้าน อาหารก็เห็นชนเผ่าต่างๆมาคอยต้อนรับ ข้างในตกแต่งสวยงวม ผมชอบใจตรง โต๊ะอาหารดูตอนแรกเป็นแคร่ยาวทรงเตี้ยนั่งกับพื้นเหมือนโต๊ะญี่ปุ่น แต่จริงๆ แล้วตรงพื้นใต้โต๊ะเขาเจาะเป็นหลุมลงไปมีไม้ทำเป้นผนังด้านข้างและพื้น นั่งหย่อนขาได้สบายไม่ต้องกลัวเป็นเหน็บชา ส่วนอาหารเท่าที่จำได้ก็มี ลาบหมู ปลาเนื้ออ่อนแดดเดียวทอดกรอบๆ เนื้อแดดเดียวแกงจืดแต่มีเห็ด แต่ที่ผมติด ใจเห็นจะเป็นของหวาน "รังนกดำ"(ผมตั้งชื่อให้เอง)ทำเหมือนเฉาก๊วยเย็น เป็นเส้นๆ เป้นวุ้น เหมือนรังนก แต่มีสีออกดำๆ เวลาเคี้ยวกรุบๆดี ไม่หวานมาก อร่อยดี เพื่อนบอกว่าทำจากลูกสำรอง มีอยู่ทางภาคตะวันออก แถวจันทบุรี ตราด (กลับมาถึงบ้านมาดูในเน็ท ถึงรู้ว่าเขากินกันมานานแล้ว มีสรรพคุณทางยา หลายอย่างด้วย)

ร้านอาหาร ริม น้ำตกตาดผาส้วม
โต๊ะหลุม ไอเดีย เก๋ นั่งหย่อนขาสบาย

ของหวานทำจาก ลูกสำรอง (ขอบคุณเจ้าของภาพ) 












กินข้าวเสร็จก็ออกเดินทางต่อ มุ่งหน้าสู่น้ำตกตาดเยือง ออกจากตาดผาส้วม เดินทางมาถึงถนนสาย 16E เลี้ยวซ้ายไปทางปากซองประมาณ 20 กม. ก้จะถึงทางแยกเลี้ยวขวาเข้าไป อีกประมาณ 1 กม.ก็จะถึงน้ำตกตาดเยือง น้ำตกทั่วๆไปที่มีอยู่มากมาย ในอุทยานแห่งชาติดงหัวสาวอันกว้างใหญ่ มีสภาพ เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำ ลำธารเล็กๆ หลายสาย อยู่บนที่ราบสูงโบโลเวน คือจะเกิดจากลำธารน้ำ ที่ไหลลงมาจากภูเขามารวมกันตรงแอ่งน้ำเล็กก่อนจะตกลงไปในหุบเหวหรือ หน้าผา ซึ่งจะสูงจะต่ำ จะใหญ่หรือเล็ก ก็แล้วแต่ภูมิประเทศบริเวณนั้น พอลงจากรถก็ได้ยินเสียงน้ำตกดังมาแต่ไกลเดินผ่านร้านค้าที่ขายของที่ระลึก ร้านขายอาหาร เครื่องดื่มไป ทางเดินก็เริ่มลาดลง จนมาถึงหน้าผา มองไปทาง ด้านซ้ายก็จะเห็นลำธารน้ำที่ไหลผ่านที่ราบเชิงเขามา รวมกันที่แอ่งน้ำแล้วตกลง ไปในหุบเหว ดังนั้นการชมน้ำตกตาดเยืองเราจึงจำเป็นต้องเดินลงไปดูที่ก้นเหว ซึ่งเขาจะนำแผ่นหินมาทำเป็นขั้นบันไดและทำราวไม้ไว้ให้จับหรือกั้นไม่ให้พลัด ตกลงไป กว่าจะเดินลัดเลาะลงไปถึงข้างล่างก็เล่นเอาหอบเหมือนกัน แต่พอถึง จุดชมวิว ที่เขาทำเป็นศาลาเหมือนเก๋งแปดเหลี่ยม ได้เห็นความสวยงามของ น้ำตกก็หายเหนื่อย ด้วยที่เราไปเป็นช่วงหน้าฝนน้ำหลาก จึงได้เห็นความสวย งามของน้ำตกอย่างเต็มที่ ลักษณะของน้ำตก เป็นหน้าผาสูงชันประมาณจาก สายตา น่าจะมีความสูงประมาณ 20-30 เมตร กว้างประมาณ 10 เมตร ตามผนังผาจะมี แง่หินยื่นออกมา (เยือง หรือ เฮือง แปลว่า เลียงผา ที่ได้ชื่อ ว่าตาดเยือง เพราะแต่ก่อนมีเลียงผาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก สัตว์จำพวกนี้ มีความสามารถในการปีนป่ายหน้าผากระโดดไปมา ตามแง่หินได้อย่างคล่อง แคล่ว) เมื่อสายน้ำตกลงมากระทบกับแง่หิน ก่อให้เกิดละอองน้ำสาดกระเซ็น เป็นฟูฝอย ลอยอยู่ในอากาศ เหมือนหมอกจางๆโดยเฉพาะด้านหน้าของน้ำตก จะมีเนินดินเหมือนเขาเล็กตั้งอยู่ตรงกลาง ลงไปยืนชมวิวถ่ายรูป สัมผัสกับ ละอองน้ำที่ปลิวมาเกาะตามผิวกาย รู้สึกสดชื่นเย็นสบาย หายเนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ซึ่งเป็นมนเสน่ห์ของของน้ำตกตาดเยือง ที่ใครสัมผัสแล้วต้องชอบ หลังจาก ชมความงามและถ่ายรูปจนเป็นที่พอใจแล้วก็ชวนกันกลับขึ้นไปข้างบน ผ่าน ศาลาขึ้นมานิดหน่อยก็มองเห็นซุ้มเล็กที่เขาทำไว้รับถ่ายรูป จะใช้กล้องดิจิตอล ถ่ายและมีพริ้นเตอร์เล็กๆ ไว้พิมพ์รูปสนนราคาน่าจะตกรูปละ 80 บาท พอเดิน ขึ้นมาประมาณครึ่งทาง ก็เริ่มรู้สึกหมดแรงเหมื่อยขาไปหมด ต้องเอามือจับราว ช่วยสาวดึงตัวขึ้นไป หันมองดูเพื่อนๆโดยเฉพาะคุณสุภาพสตรีก็อยูในอาการ เดียวกัน ทำให้นึกถึงคำพูดของไกด์สาวชาวลาว ที่บอกว่า จะพามาดู "ขาอ่อน สาวราว" ที่น้ำตกตาดเยือง ก็ได้ เห็นแล้วจริงๆ เห็นทั้ง ขาอ่อนสาวราว และ ขาอ่อนหนุ่มไทย คิดแล้วก็ ก้มหน้า ก้มตาเดินขาอ่อน เอามือสาวราวบันไดขึ้นไปข้างบน













พอมาถึงข้างบนก็พากัน เดินเข้าไปดูต้นน้ำตกที่อยู่ทางขวามือ เขาตกแต่งจัดเป็นสวนได้สวยงามดี เห็นเขียนชื่อว่า "พูสะหวัน" มีโขดหินธรรมชาติอยู่ริมลำธาร น้ำใสไหลเย็น ล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว ก็เดินข้ามสะพานเข้าไปดู ข้างในเป็นรีสอร์ท มีร้าน อาหารตกแต่งสวยงามเข้ากับธรรมชาติ

ริมลำธาร ก่อนถึงหน้าผาตาดเยือง
















ดูเสร็จก็ขึ้นรถเดินทางต่อสู่น้ำตกตาด ฟาน ออกจากน้ำตกตาดเยือง สู่ถนนใหญ่นั่งรถย้อนกลับ มาทางเดิมประมาณ 2-3 กม. ก็ถึงทางแยกเลี้ยวซ้ายเข้าน้ำตก จะมีไร่กาแฟปลูกอยู่ตามสองข้างทาง ถึงจุดจอดรถทางเข้าน้ำตกก็จะเป็นตาดฟานรีสอร์ท ทางเดินไปน้ำตกจะเต็มไป ด้วยต้นไม้ใหญ่ มีกล้วยไม้ มอส เกาะอยู่ตามลำต้น บ่งบอกถึงความอุดมสม บูรณ์ของผืนป่า ว่ากันว่าบริเวณนี้แต่ก่อนมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมายโดยเฉพาะ ฟาน (เก้ง)จึงนำมาตั้งเป็นชื่อน้ำตก ก่อนถึงหน้าผา จะมีร้านอาหารไว้คอย บริการลูกค้า ออกจากร้านอาหารไปแระมาณ 20-30 เมตร ก็จะเป็นจุดชมวิว ชมน้ำตก ซึ่งจะเป็นจุดเดียวที่มองเห็นได้ชัดเจนสวยงามที่สุด ต้นน้ำตกจะอยู่ฝั่ง ตรงข้ามบนหน้าผาของภูเขาอีกลูกที่ตั้งเผชิญหน้ากันอยู่แนวหน้าผาจะขนานกัน กับหน้าผาที่เรายืนอยู่แต่เนื่องจากมุมมองมีจำกัดจึงไม่ทราบว่าขนานกันไปเป็น ระยะทางยาวไกลเท่าไร ชะโงกหน้าออกไปดูทางด้านขวาของเรา (ด้านซ้าย ของตาดฟาน)จะเห็นมีน้ำตกอีกสายหนึ่งอยู่ไกลออกไป ทำให้คิดไปว่าอาจมี น้ำตกอีกหลายสายแอบซ่อนอยู่ ลักษณะของน้ำตกจะเป็นน้ำตกแฝด เกิดจาก ลำธารน้ำ 2 สายที่ไหลมาตกลงจากหน้าผาในบริเวณใกล้เคียงแทบจะติดกันกัน ความสูงของน้ำตก ประมาณ 120 เมตร เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในลาว ตรงที่เรายืน ดูจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับต้นน้ำตก จึงมองเห็นสายน้ำตกยาวเหยียดพวยพุ่งลง ไปข้างล่างเนื่องจากต้นไม้บังอยู่จึงมองไม่เห็นก้นน้ำตก ถ้าจะดูน้ำตกให้เห็นถึง ความสายงามจริงๆ ต้องเดินลงไปดูข้างล่าง ทางลงจะอยู่ด้านขวามือ มีป้ายห้ามลง และมาเชือกขึงขวางไว้ ระยะทางเดินลงไปประมาณ 5 กม. แต่จะใช้เวลาหลาย ชั่วโมงเนื่องจากหน้าผาสูงชัน ต้องลงไปแต่เช้าเตรียมเต็นท์และอาหารลงไปพัก แรมค้างคืนอยู่ข้างล่าง ทั้งนี้ต้องขออนุญาต จากเจ้าหน้าที่อุทยานก่อน และต้อง มีคนนำทางพาลงไปเพื่อความปลอดภัย สภาพเบื้องล่างของน้ำตกคงสวยงามมาก ยิ่ง มองจากข้างล่างขึ้นสู่ข้างบน ดูสายน้ำที่ตกลงจากหน้าผาสูงถึง 120 เมตร มากระทบกับพื้นน้ำข้างล่างคงสวยงามสุดบรรยาย นักท่องเที่ยวเกือบทั้งหมด จึงได้แต่เพียงยืนมองสายน้ำตกอยู่ด้านบน อากาศที่นี่จะหนาวเย็นตลอดทั้งปี ตอนเช้าจะเป็นทะเลหมอกปกคลุมไปทั้งยอดเขาและในหุบเหว สวยงามไปอีก แบบ แต่บางวันหมอกจะหนามากจนมองไม่เห็นน้ำตก โชคดีใน 2วันที่เรามาแม้ จะเป็นหน้าฝน แต่ก็มีฝนตกเพียงเล็กน้อย ไม่มีหมอก














หลังจากดูน้ำตกเสร็จแล้ว เราก็ขึ้นรถตู้ ออกเดินทางกลับเมืองไทย ของเรา เนื่องจากเป็นเวลาใกล้ค่ำ การ ขับรถจึงต้องระมัดระวัง เพราะชาวบ้านเขาจะต้อนสัตว์เลี้ยง วัว ควาย กลับบ้าน เดินกันตามสบายเป็นเจ้าถนน ผ่านปากเซข้ามสะพาน มาถึงด่านวังเต่า ประมาณ 5 โมงเย็น ถึงด่านวังเต่า ก็แวะซื้อของฝากในร้านค้า ปลอดภาษี เลือกซื้อเลือก หากันตามใจชอบ แต่ต้องดูร้าน ดูโซนด้วย ถ้าร้านใหญ่ก็จะขายของแท้ของดี ต้องสังเกตุให้ดี ถ้าของถูกมาก มักจะเป็นของเลียนแบบ เพราะประตูร้านเปิด ทะลุถึงกัน ส่วนสุราเขาให้ซื้อได้คนละไม่เกิน 1 ลิตร บุหรี่ 1 คอดตอน (10 ซอง หรือ 200 มวน)ถ้ามีคนไม่ซื้อเราก็ใช้สิทธิเขาได้ และต้องแยกกันถือ ถือรวมไม่ได้ ถ้าถือมาเกินบางด่านจะมีที่ให้ทิ้งของก่อนเข้าจุดตรวจ ไม่ควรซุก ซ่อนนำเข้ามา เป็นกฏหมายของไทยเอง (ถ้าเราถือเข้าประเทศเขาเกินกำหนด ก็ถูกจับเหมือนกัน)ถ้าฝ่าฝืนถูกริบ ถูกจับปรับ 4 เท่าเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา เมื่อซื้อของเสร็จ ก็จะเดินเข้าด่าน ส่วนรถก็อ้อมไปให้เจ้าหนี้ที่ตรวจอีกด้านหนึ่ง ไกด์สาวชาวลาวก็ตามมาส่งถึงประตูด่าน ตลอด 2 วันที่ผ่านมาก็ได้รับการ ต้อนรับ ดูแลจากเธอเป็นอย่างดี















หลังจากถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ร่ำลากันเรียบร้อย แล้ว ก็เข้าด่านกลับมาฝั่งไทยเดินทางกลับบ้าน ด้วยความสุข กันถ้วนหน้า ถ้ามี เวลา มีโอกาสคงได้กลับไปเที่ยวอีก "สวัสดีประเทศไทย" "สบายดีประเทศลาว"